SSF vs RMF เลือกลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน

30 ตุลาคม 66
 

สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีอย่าง SSF และ RMF นั้น มีความเหมือนกันอยู่หลายจุด แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางเงื่อนไข เพื่อนๆลองอ่านเพิ่มเติมที่บทความนี้ก่อนนะครับ คลิกที่นี่



เอาล่ะ หลังจากทราบความเหมือนความต่างของทั้ง 2 กองทุนไปแล้ว แต่ก็ยังไม่มีไอเดียอยู่ดีว่าสรุปแล้วควรจะเลือกแบบไหน เดี๋ยวเราค่อยๆเอาความแตกต่างเล็กๆน้อยๆเหล่านั้น มาเลือก mix & match ให้เข้ากับคุณมากที่สุดกันครับ



1. วงเงินสำหรับลดหย่อนภาษี

เช็ควงเงินกันก่อน ว่าเราลดหย่อนภาษีด้วยอะไรไปแล้วบ้าง

     - SSF ซื้อได้สูงสุด ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
     - RMF ซื้อได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

นับรวม SSF, RMF, PVD, ประกันชีวิตแบบบำนาญ, กบข, กอช., กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน
แล้วไม่เกิน 500,000 บาท


กองทุนลดหย่อนภาษี

2. อายุและเป้าหมายในการลงทุน

เมื่อรู้แล้วว่าเหลือวงเงินให้ลดหย่อนได้อีกเท่าไหร่ ขั้นตอนถัดมาลองตรวจสอบอายุของคุณ เพราะ SSF และ RMF มีเงื่อนไขการถือครอง และการขายคืนไม่เหมือนกัน

     - กองทุนรวม SSF ขายได้เมื่อถือครองครบ 10 ปีบริบูรณ์ เช่นก้อนที่ท่านซื้อ วันที่ 1 พ.ย. 2022
       ก็จะขายได้ตั้งแต่ 2 พ.ย. 2032 เป็นต้นไป ก้อนไหนลงทุนก่อนก็ขายได้เร็วกว่าก้อนที่ลงทุนถัดๆไป
     - กองทุนรวม RMF จะขายได้ก็ต่อเมื่อครบเงื่อนไข 2 ข้อ ได้แก่
          - อายุครบ 55 ปีบริบูรณ์แล้ว
          - มีการลงทุนติดต่อมาไม่น้อยกว่า 5 ครั้ง นับตั้งแต่การซื้อครั้งแรก



กองทุนลดหย่อนภาษี


ตัวอย่างที่ 1 : อายุ 51 ปี อาจเหมาะกับ RMF มากกว่า SSF เพราะลงทุนติดต่อกัน 5 ครั้ง จะชนกับอายุครบ 55 ปี พอดี จึงทำให้สามารถขายคืนได้โดยไม่ผิดเงื่อนไข แต่ถ้าคุณซื้อ SSF ก็ต้องถือไป 10 ปีเต็ม ทำให้ขายคืนได้ช้ากว่า


ตัวอย่างที่ 2 : อายุ 30-40 ปี เหมาะทั้ง SSF และ RMF แต่คนละมุมกัน แล้วแต่วัตถุประสงค์ เช่น ถ้าลงทุนใน SSF ถือครองเพียง 10 ปี ก็ขายออกได้ ก็จะไวกว่าลงทุนใน RMF เหมาะสำหรับคนที่เน้นลดหย่อนภาษีเป็นหลัก โดยเหมือนได้เก็บเงินไปลงทุนไว้ช่วงนึงเป็นของแถม เพราะถ้า RMF จะต้องซื้อไปทุกปี เว้นได้มากสุดปีเว้นปี จนกว่าจะอายุ 55 ปี ถึงจะขายออกได้ ซึ่ง RMF ก็จะตอบโจทย์คนที่เน้นการเก็บเงินเพื่อการเกษียณมากกว่า เพราะถูกบังคับด้วยระยะเวลาลงทุนที่ยาวกว่า ซึ่งมีโอกาสที่จะช่วยลดความผันผวนพร้อมเปิดโอกาสรับผลตอบแทนที่มากขึ้นได้ ดังนั้นบางท่านอาจจะเลือกลงทุนไปในกองประเภทใดประเภทหนึ่งจนครบวงเงิน หรือจะเลือกแบ่งลงทั้ง 2 ประเภท ก็ได้เช่นกันครับ เพราอย่าลืมว่าถึงกองทุน SSF, RMF จะเข้าเกณฑ์ขายออกได้ แต่เราจะเลือกถือต่อไปก็ได้ไม่มีปัญหาครับ



3. นโยบายการลงทุนและความเสี่ยง

เมื่อรู้ทั้งวงเงิน และเปรียบเทียบอายุและเป้าหมายของตัวเองแล้ว ก็จะเหลืออีก checklist ที่สำคัญมากๆ คือการดูที่นโยบายการลงทุนที่เราสนใจมากที่สุด ทั้ง SSF และ RMF แต่ละกองมีนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันออกไป และจะส่งผลถึงความเสี่ยงและโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างกันตามไปด้วย ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับบลจ.ว่าจะออกกองทุนแบบไหนมาให้เราได้เลือกช็อป


กองทุนลดหย่อนภาษี



กองทุนรวมแบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ประเภทตามลำดับความเสี่ยงจากน้อยไปหามาก

 

ความเสี่ยงระดับที่ 1 กองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนเฉพาะในประเทศ

ความเสี่ยงระดับที่ 2 กองทุนรวมตลาดเงิน

ความเสี่ยงระดับที่ 3 กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล

ความเสี่ยงระดับที่ 4 กองทุนรวมตราสารหนี้

ความเสี่ยงระดับที่ 5 กองทุนรวมผสม

ความเสี่ยงระดับที่ 6 กองทุนรวมตราสารทุน

ความเสี่ยงระดับที่ 7 กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม

ความเสี่ยงระดับที่ 8 กองทุนที่มีการลงทุนในทรัพย์สินทางเลือก

 

ดังนั้นคุณจึงสามารถที่จะวางแผนจัดสัดส่วนพอร์ต SSF/RMF ของคุณได้ด้วยโดยการเลือกลงทุนในกองทุนที่เรามีความรู้ความเข้าใจ เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ 

 

บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

1. หากไม่ได้ลดหย่อน แต่ละปีคุณต้องเสียภาษีเท่าไหร่กันนะ
2. เตรียมตัวก่อนเริ่มต้นลงทุนใน SSF/RMF กับ สิ่งที่คุณควรรู้ และความแตกต่าง

ดูข้อมูลกองทุน คลิกที่นี่
สนใจเปิดบัญชีกองทุน 
คลิกที่นี่



เปิดบัญชีหุ้น