เพิ่มพลังการลงทุนของคุณด้วยบัญชีมาร์จิ้น (Margin Loan) ที่ให้คุณกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ หรือยืมหลักทรัพย์เพื่อขายชอร์ต เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงการลงทุนได้หลากหลายและทำกำไรที่เหนือกว่า
อัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (Initial Margin หรือ IM) คือ อัตราหลักประกันขั้นต้นที่ลูกค้าต้องวางในบัญชีมาร์จิ้นก่อนทำการซื้อหลักทรัพย์ โดยอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้นของหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ อนุญาตให้ลูกค้าซื้อและขายชอร์ตหลักทรัพย์ที่ยืมในบัญชีมาร์จิ้น ประกอบด้วย 5 กลุ่ม ตามความเสี่ยงของแต่ละหลักทรัพย์
ดังนั้น จะเห็นว่า อำนาจซื้อ (Purchasing Power) จะแปรผันตามอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้นของหลักทรัพย์ที่ลูกค้าจะซื้อ ทั้งนี้
หมายเหตุ ลูกค้าต้องวางเงินสดกับบริษัทฯเต็มจำนวน หากต้องการซื้อหลักทรัพย์นอกเหนือจากที่บริษัทฯกำหนด
ท่านสามารถตรวจสอบจากอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้น (IM) ได้จาก ประกาศรายชื่อหลักทรัพย์และอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้นสำหรับแต่ละหลักทรัพย์ที่บริษัทฯ อนุญาตให้ลูกค้าซื้อและขายชอร์ตหลักทรัพย์ที่ยืมในบัญชีมาร์จิ้น (หรือ Marginable Securities List) คลิกที่นี่เพื่อดูประกาศ หรือ ตรวจสอบที่โปรแกรมส่งคำสั่งซื้อขาย efin Trade Plus
หากลูกค้ามีเงินลงทุนมูลค่า 1,000,000 บาท และคิดว่าหุ้น ZZZ ซึ่งมีอัตรามาร์จิ้น 50% กำลังจะเป็นขาขึ้น ลูกค้าสามารถเพิ่มอำนาจซื้อเป็น 2 เท่า โดยใช้เงินกู้จากบริษัทอีก 1,000,000 บาท ทำให้อำนาจซื้อเพิ่มเป็น 2,000,000 จะเห็นว่า หากหุ้น ZZZ ราคาเพิ่มขึ้น 10% ตามที่คิดไว้ จะได้กำไรเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 2 เท่า
ด้วยพลังการลงทุนที่เพิ่มมากขึ้น นักลงทุนที่ใช้มาร์จิ้นจึงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้น
อ่านบทความ : ทำไมจึงควรใช้มาร์จิ้นซื้อหุ้น?
เมื่อมีกำไรจากพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะมีอำนาจซื้อเพื่อนำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้ เพื่อโอกาสได้กำไรเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีก ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยขจัดข้อจำกัดของบัญชีเงินสดที่ต้องมีเงินจึงจะลงทุนเพิ่มได้
Day trader/ Active trader
สามารถเปิดวงเงินมาร์จิ้น และ SBL โดยเลือกใช้มาร์จิ้นเมื่อคาดว่าหุ้นจะขึ้น เพื่อเพิ่มวงเงินเทรดต่อรอบได้สูงถึง 2 เท่า หรือ ทำการชอร์ตเซลล์เมื่อคาดว่าหุ้นจะลง เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรขาลง จึงทำให้มีโอกาสได้ทำกำไรจากการเทรดต่อวันมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น นักลงทุนไม่จำเป็นต้องเสียดอกเบี้ย หากซื้อหุ้นด้วยเงินกู้และขายหุ้นออกภายในวันโดยไม่เหลือหนี้คงค้าง ณ สิ้นวัน
Value investor
เปิดวงเงินมาร์จิ้น ไว้ใช้ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี มีโอกาสเติบโตสูงได้ในจำนวนมากขึ้น หรือหากนักลงทุนรับความเสี่ยงได้ต่ำ ก็อาจรอใช้มาร์จิ้นเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อหุ้นในภาวะตลาด panic จึงทำให้ได้หุ้นของกิจการที่ชอบในราคาถูกในจำนวนมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นจากทั้ง capital gain และ สิทธิที่จะได้รับเงินปันผลที่มากขึ้น
นักลงทุนที่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากการกู้
ใช้มาร์จิ้นเพื่อเพิ่มอำนาจซื้อหุ้นที่มีการ tender offer ได้จำนวนมากขึ้น และรอตอบรับการขายหุ้นให้กับผู้ทำที่ tender offer เพื่อรับกำไรส่วนต่างระหว่างราคาที่ประกาศรับซื้อ- ราคาซื้อ ซึ่งเป็นการลงทุนที่แทบจะปราศจากความเสี่ยง ทั้งนี้หากซื้อด้วยเงินตัวเองเพียงส่วนเดียว กำไรที่ได้อาจไม่น่าสนใจเพียงพอ
อ่านบทความ : “บัญชีมาร์จิ้น” เหมาะกับนักลงทุนประเภทใด
เพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้น
เนื่องจากมีเงินลงทุนมากขึ้นจึงมีโอกาสได้ทั้ง Capital gain และเงินปันผลที่มากขึ้น
ไม่พลาดโอกาสทำกำไรแม้หุ้นอยู่ในขาลง ในกรณีที่ลูกค้าเปิดใช้บริการ SBL
วงเงินกู้สะดวกพร้อมใช้ได้ทุกเมื่อ
เมื่อได้รับอนุมัติวงเงินกู้แล้ว นักลงทุนสามารถใช้วงเงินได้ทันทีที่ต้องการ หรือหากยังไม่ต้องการใช้วงเงิน บริษัทก็จะไม่ดำเนินการระงับวงเงินแต่อย่างใด
ไม่ต้องทยอยจ่ายค่างวดเพื่อชำระเงินต้นและดอกเบี้ย
เมื่อใช้เงินกู้มาร์จิ้น ลูกค้าไม่จำเป็นต้องทยอยจ่ายชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นค่างวดเหมือนเงินกู้ประเภทอื่น โดยบริษัทฯจะเรียกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้โดยวิธีการกระทบยอดดอกเบี้ยเข้าไปเพิ่มเป็นยอดเงินกู้ในบัญชีของลูกค้าทุกๆสิ้นเดือนโดยอัตโนมัติ ลูกค้าเพียงคอยดูแลมูลค่าหลักประกันให้เพียงพอตามเกณฑ์ที่กำหนดเท่านั้น การใช้เงินกู้มาร์จิ้นจึงช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน และลดภาระการติดต่อด้านการชำระเงินกู้ให้แก่นักลงทุน
ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ* และมีความยืดหยุ่นกว่าเงินกู้ประเภทอื่นๆ
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่บริษัทเรียกเก็บต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรม ดังนั้น การใช้เงินกู้มาร์จิ้นของบริษัท จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนให้แก่ลูกค้าได้เป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับการกู้เงินกับที่อื่น นอกจากนี้ บริษัทฯยังให้ดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับเงินที่ลูกค้าฝากเข้ามาในบัญชีมาร์จิ้นเพื่อรอซื้อหุ้นในอัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์ด้วย
* เป็นไปตามประกาศอัตราดอกเบี้ยของบริษัท
* บริษัทฯขอสงวนสิทธิในการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาร์จิ้น รายชื่อและจำนวนหลักทรัพย์ ที่สามารถซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้น ได้ตลอกเวลา โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นการล่วงหน้าได้ตลอดเวลา
ขจัดความกังวลเรื่องวันครบกำหนดชำระราคาค่าซื้อหุ้น
เพราะบริษัทจะชำระราคาค่าซื้อส่วนที่เกินกว่าเงินของลูกค้าโดยการให้กู้ยืมเงินแก่ลูกค้าโดยอัตโนมัติ
ดำรงมูลค่าหลักประกันให้เป็นไปตามเกณฑ์
ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยจาก เงินสด (Cash Balance) ส่วนที่เกินกว่ามูลค่าหลักทรัพย์ที่ขายชอร์ต แต่ จะต้องจ่ายดอกเบี้ยจากภาระหนี้ Margin Loan โดยลูกค้าจะได้รับหรือจ่ายดอกเบี้ยเป็นรายเดือน (หมายเหตุ จำนวนเงินที่จ่ายให้หรือเรียกเก็บจริง จะหักกลบกันระหว่างดอกเบี้ยรับกับดอกเบี้ยจ่าย)
บริษัทฯจะบันทึกดอกเบี้ยประจำเดือน ที่มียอดดอกเบี้ยสุทธิเป็น “ดอกเบี้ยรับ”เข้าบัญชี Credit Balance ของลูกค้า ดังนี้
- ถ้าสถานะล่าสุดของบัญชีเป็น Cash Balance (คือ มีเงินสดคงเหลืออยู่ในบัญชี) และมียอดดอกเบี้ยสุทธิประจำเดือนเป็น “ดอกเบี้ยรับ” จะส่งผลให้ Cash Balance (ยอดเงินสด) ของลูกค้า เพิ่มขึ้น ในวันทำการแรกของเดือนถัดไป
- ถ้าสถานะล่าสุดของบัญชีเป็น Margin Loan (คือ มีภาระหนี้) และมียอดดอกเบี้ยสุทธิประจำเดือนเป็น “ดอกเบี้ยรับ” จะส่งผลให้ลูกค้ามีภาระหนี้ ลดลง ในวันทำการแรกของเดือนถัดไป
บริษัทฯจะบันทึกดอกเบี้ยประจำเดือน ที่มียอดดอกเบี้ยสุทธิเป็น “ดอกเบี้ยจ่าย” เข้าบัญชี Credit Balance ของลูกค้า ดังนี้
- ถ้าสถานะภาพล่าสุดของบัญชีเป็น Margin Loan (คือมีภาระหนี้) และยอดดอกเบี้ยสุทธิประจำเดือนเป็น “ดอกเบี้ยจ่าย” จะส่งผลให้ลูกค้ามีภาระหนี้ เพิ่มขึ้น ในวันทำการแรกของเดือนถัดไป
- ถ้าสถานะภาพล่าสุดของบัญชีเป็น Cash Balance (คือ มีเงินสดคงเหลืออยู่ในบัญชี) และยอดดอกเบี้ยสุทธิประจำเดือนเป็น “ดอกเบี้ยจ่าย” จะส่งผลให้ Cash balance (ยอดเงินสด) ของลูกค้า ลดลง ในวันทำการแรกของเดือนถัดไป
การกำหนดอัตราดอกเบี้ย
อัตราดอกเบี้ยของ Cash Balance และ Margin Loan จะประกาศให้ทราบเป็นรายเดือนในวันทำการแรกของเดือน โดยอัตราดอกเบี้ยจะมีผลในวันแรกของเดือนที่ประกาศ
ยกตัวอย่างเช่น บริษัทฯ ประกาศอัตราดอกเบี้ยในวันที่ 1 เมษายน 2563 โดยให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก (Cash Balance) เท่ากับ 2% ต่อปี และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ฯ (Margin Loan) เท่ากับ 6% ต่อปี หมายความว่า ลูกค้าจะได้รับดอกเบี้ยจาก Cash Balance ในอัตรา 2% ต่อปี และ เสียดอกเบี้ยจาก Margin Loan ตั้งแต่ 1 – 30 เมษายน 2563 ในอัตรา 6% ต่อปี
เกร็ดความรู้
ในกรณีที่ลูกค้าซื้อหลักทรัพย์ จะหักยอดเงินเพื่อชำระค่าซื้อ จากเงินสดคงเหลือของลูกค้าที่อยู่ในบัญชีมาร์จิ้นก่อน ไปจนกว่าจะหมด (Cash Balance) หากไม่พอชำระค่าซื้อ ส่วนที่เกินมาจากเงินสดคงเหลือ (Cash Balance) จึงจะเป็นเงินกู้ Margin Loan
ในกรณีที่ลูกค้า ขายหลักทรัพย์หรือขายชอร์ตหลักทรัพย์ที่ยืม เงินที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ฯ จะแสดงไว้ในรายการเงินสด (Cash Balance) หรือ นำไปลดภาระหนี้ Margin Loan แต่มูลค่าขายชอร์ตหลักทรัพย์ที่ยืมจะถูกหักออกจากรายการเงินสด (Cash Balance) เพื่อใช้ในสำหรับคำนวนดอกเบี้ย
ประเภทบัญชี | จำนวนเงินที่ลูกค้าฝาก | อัตรามาร์จิ้น | ราคาตลาดของหุ้น | อำนาจซื้อ (PP) |
เงินส่วนของลูกค้า (EE) |
เงินกู้ (Loan) |
จำนวนหุ้นที่สามารถซื้อได้ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Credit Balance | 100,000 | 50% | 220 | 100,000/50% = 200,000 | 100,000 | 100,000 | 900 หุ้น |
Cash Balance | 100,000 | - | 220 | 100,000 | 100,000 | - | 450 หุ้น |
หมายเหต โปรดศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆเพิ่มเติม จาก หลักเกณฑ์และเงื่อนไขของบัญชี Credit Balance Internet
ท่านสามารถดาวน์โหลดและใช้งานโปรแกรม eFinTrade Plus/Streaming ในการส่งคำสั่งซื้อขาย เพื่อใช้บริการบัญชี มาร์จิ้น
ดาวน์โหลดโปรแกรม และ คู่มือการใช้งาน คลิกที่นี่
Version | eFin Trade Plus | Streaming |
---|---|---|
PC | ![]() |
![]() |
Mobile Application | ![]() |
![]() |
หมายเหตุ การ Login ผ่าน Mobile Application ต่างๆ จะต้องเลือก Broker เป็น KRUNGSRI